23 กุมภาพันธ์ 2564
| โดย พรไพลิน จุลพันธ์
8,821
หลังจาก พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำแผนดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ให้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ตั้งแต่ Q3/64
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ล่าสุดได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานต่างประเทศของ ททท.ติดตามและแจ้งข้อมูลความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของประเทศต้นทางมาทุก 2 สัปดาห์ รวมถึงแนวทางการเปิดประเทศว่าแต่ละประเทศมีนโยบายเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศเมื่อใด เพื่อให้ ททท.กำหนดแนวทางการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้อย่างถูกต้องตรงตามเป้าหมาย
“เราเลี้ยงดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อัดอั้นมาตลอด หลังวิกฤติโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ โดยบางตลาดได้มีการขายล่วงหน้าแล้ว แพ็คเกจเที่ยวเมืองไทยได้รับการตอบรับค่อนข้างดี อย่างตลาดจีนเที่ยวไทย รอเพียงรัฐบาลจีนอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้”
ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เล่าเสริมว่า ททท.ได้ตรวจสอบ “ดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ตลอดเวลาว่ายังมีความต้องการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยหรือไม่ มีสูงขึ้นหรือลดลงอย่างไร อยากมาทำกิจกรรมอะไร และเที่ยวที่ไหนบ้าง โดยตรวจสอบอย่างละเอียดผ่านช่องทางออนไลน์ บริษัททัวร์ และสื่อต่างๆ พร้อมหาวิธีแปลงดีมานด์ให้เกิดการเดินทางจริงให้ได้!
อย่างประเทศเกาหลี ขณะนี้อากาศหนาวติดลบ 6 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวเกาหลีอยากมาเที่ยวหาดทรายชายทะเล และเพื่อให้เกิดการเดินทางจริง จึงมีการจัดทำ “ควอรันทีน” หรือกักตัวในรูปแบบต่างๆ เช่น “กอล์ฟ ควอรันทีน” โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวเกาหลีจำนวน 41 คนเดินทางมาเล่นกอล์ฟที่สนามกอล์ฟอาทิตยาและท่องเที่ยวระยะยาวในไทยเป็นกลุ่มแรกแล้ว
“ตอนนี้ต้องดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคนมีเงิน มีศักยภาพในการใช้จ่ายเข้ามา ในระยะสั้นต้องหานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้เจอ เหมือนกับกลุ่มที่พร้อมจะเดินทางมากักตัวและเที่ยวไทยภายใต้รูปแบบวิลล่า ควอรันทีน ที่โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ซึ่งต้องดูว่าจะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้อย่างไร”
ฟาก ททท.สำนักงานมุมไบและนิวเดลี แจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวอินเดียสอบถามเรื่องการเข้ามาจัดงานแต่งงานในไทยแบบปิดโรงแรมเพื่อจัดงานโดยเฉพาะ จำนวน 2 คณะ คณะละ 200-300 คน โดยปกติใช้เงินครั้งละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แม้จะยังไม่มีกำหนดเข้ามาเมื่อใด แต่แสดงให้เห็นว่ายังมีความต้องการที่จะเข้ามาเมืองไทย หากทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) อนุมัติให้โรงแรมทำ “แอเรีย ควอรันทีน” ได้ ก็สามารถอยู่ในบริเวณของโรงแรมได้เลย
ฉัททันต์ เล่าเพิ่มเติมว่า ประเด็นการฉีด “วัคซีน” นับเป็น “ตัวแปรสำคัญ” ในการตัดสินใจรับบุคคลและคณะนักท่องเที่ยว ททท.ได้หารือกับ ศบค.ชุดเล็ก ถึงแนวทางการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รับไปดูแนวทางและทำแผนออกมาโดยเร็ว เพื่อให้ ททท.กลับไปวางแผนดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เร็วขึ้น พร้อมนำไปหารือกับภาคเอกชนท่องเที่ยวเพื่อออกขายแพ็คเกจท่องเที่ยวให้ตรงกับความต้องการ
“ตอนนี้ทาง ศบค.ได้ให้แนวทางแก่ สธ.ไปคิดเป็น 3 เฟส ได้แก่ 1.ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเป็นรายบุคคลหรือคณะจากประเทศต้นทาง จะเดินทางเข้าไทยได้อย่างไร ในกรณีที่ประเทศไทยยังไม่มีการฉีดวัคซีน 2.ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทางที่มีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลายแล้ว จะเข้ามาไทยได้อย่างไร ในกรณีที่ประเทศไทยยังไม่มีการฉีดวัคซีน และ 3.ทั้งประเทศต้นทางและประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลายแล้ว ทั้งหมดนี้ สธ.ต้องรีบสรุปรายละเอียดมาตรการโดยเร็ว”
ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวว่า ทางสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งมีสมาชิก 200 กว่าสายการบินทั่วโลก ขณะนี้มี 42 สายการบิน รวมการบินไทย ไทยสมายล์ กาตาร์แอร์เวย์ส เอทิฮัดแอร์เวย์ส บริติชแอร์เวย์ส และเอมิเรตส์แอร์ไลน์ส ได้ตกลงทำ “IATA Travel Pass& rdquo; ให้ผู้เดินทางลงทะเบียนยืนยันว่าฉีดวัคซีนแล้ว จากนั้นจะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องไปตรวจเพิ่มก่อนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องมีเอกสารฟิต ทู ฟลาย ซึ่งจะเริ่มในเดือน มี.ค.นี้ และน่าจะเห็นนักเดินทางกลุ่มฉีดวัคซีนแล้วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ต้องการ “ความชัดเจน” ของนโยบายภาครัฐเรื่องการผ่อนปรนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างจำกัดภายในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยทันไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องการเวลาขายล่วงหน้า 4 เดือน แต่ถ้านโยบายมีความชัดเจนภายในเดือน มิ.ย.นี้ คาดจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยได้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้