คุณชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เผยภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ) แสดงภาพจุดที่มีการเผามาก เมื่อ 10 เม.ย.2565 ซึ่งการเผานี้ มีส่วนทำให้คุณภาพอากาศในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝุ่น PM2.5 สะสมตัวมีค่าสูงมากขึ้นเรื่อยๆจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตามเราต้องแก้ไขปัญหาแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ที่มามาจากตัวเรา ก่อนที่จะไปตำหนิ และเรียกร้องให้ผู้อื่น และประเทศเพื่อนบ้านแก้ไขอย่างนั้นอย่างนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
– “อุณหภูมิวันนี้” เช็กพื้นที่เฝ้าระวังอากาศร้อนจัด – PM2.5 – พายุฝนฟ้าคะนอง
– “พายุฤดูร้อน” 11 จังหวัดเจอฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก เช็ก อุณหภูมิวันนี้
แหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 มาจากหลายแหล่ง ได้แก่
อันดับที่ 1 : มาจากการเผาในที่โล่งมากที่สุด (59%) ส่วนที่มาจากการเผาของคนไทย เราก็ต้องช่วยกันรณรงค์ให้ลด และปราบปรามอย่างเข้มงวดไม่ให้มีการเผาตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
อันดับที่ 2 : มาจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเช่นถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ และน้ำมันในการผลิตไฟฟ้า (รวม 23%) แหล่งนี้มาจากพวกเราล้วนๆ ที่ต้องช่วยกันลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้รถสาธารณะ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (รถ EV) ให้มากขึ้น และลดการใช้ไฟฟ้าลง
อันดับที่ 3 : มาจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในกระบวนการผลิต (18%) นั้น ผู้ประกอบการต้องร่วมกันลดการใช้น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ และถ่านหินลง ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรอุตสาหกรรม และหน่วยราชการต้องเข้มงวดให้ผู้ประกอบการโรงงานดำเนินการดังกล่าว
วันที่ 12 เม.ย.2565 นี้ ลมตะวันออก และลมตะวันตกเฉียงใต้ เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ฝุ่น PM2.5 ถูกพัดให้กระจายตัว ลดการสะสมลง สภาวะคุณภาพอากาศจึงเริ่มคลี่คลายลง
ส่วนวันที่ 17-19 เม.ย.2565 นี้ จะมีลักษณะ อากาศแปรปรวน มีฝนตกเล็กน้อยกระจายในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพและปริมณฑล และจะมีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางในภาคใต้ จะทำให้ฝุ่น PM2.5 จะถูกพัดให้กระจายตัวไปอีก ลดการสะสมลง จึงจะทำให้คุณภาพอากาศจะคลี่คลายไปในที่สุด
ในปีก่อนๆ ที่ผ่านมา เราจะพบกับปัญหาฝุ่น PM2.5 สะสมมากจนมีผลกระทบต่อสุขภาพตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม แต่ปีนี้มีสภาวะอากาศแปรปรวน มีลมกรรโชกแรง ลมอุ่นจากพม่า ลมชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย และลมหนาวจากประเทศจีน (ความกดอากาศสูง) มาปะทะกันในพื้นที่ประเทศไทยอยู่บ่อยๆ จึงทำให้การหมุนเวียนของอากาศดีมาก และมีฝนตกในหลายพื้นที่ สภาพฝุ่น PM2.5 จึงถูกพัดกระจายตัว ไม่มีการสะสมมาก คลี่คลายสถานการณ์ลงไปได้มากเสมอมา (ไม่เหมือนปีก่อนก่อนๆ)
แต่หลังจากภาวะอากาศแปรปรวนหมดไป และลมหนาวระลอกสุดท้ายจากประเทศจีน ที่เคลื่อนที่ลงมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน (ทำให้ภาคเหนือหนาว) แล้ว หลังจากที่ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นดังกล่าว ถอยกลับประเทศจีนไป ก็จะเกิดอากาศนิ่ง เกิดสภาวะทั้งร้อนจัด และมีฝุ่น PM2.5 สะสมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ต้องรอช่วงประมาณวันที่ 17-19 เมษายนนี้ จะมีสภาพอากาศแปรปรวนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะทำให้มีฝนตกปานกลางกระจายไปทั้งในภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพฯและปริมณฑล ฝุ่น PM2.5 จากแหล่งต่างๆ ที่มาสะสมอยู่นี้ ก็จะกระจายตัว ลดลงไป
(ขอขอบคุณข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา, GISTDA, กรมควบคุมมลพิษ, กรมชลประทาน, และ Tropicalstormrisk, Japan Meteo. Agency, Windy และ Joint Typhoon Warning Center)