กว่าลูกจะได้แชมป์ไทยลีก พ่อต้องสู้แค่ไหน?

การต่อสู้ของนักเตะแต่ละคนเพื่อให้ก้าวไปประสบความสำเร็จอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากเส้นทางการต่อสู้อุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมบั่นทอนเส้นทางความสำเร็จพอสมควร การแจ้งเกิดจนติดทีมสโมสรและได้โอกาสรับใช้ลำพังตัวคนเดียวก็เป็นเรื่องยากแล้ว แต่การสร้างผลผลิตที่เป็นลูกชายให้โตตามกันมาด้วยคุณภาพจนประกาศศักดาฝีเท้าให้เป็นที่ยอมรับเป็นสิ่งที่ยากเย็นไม่แพ้กันนี่คืออีกหนึ่งบทบาทการต่อสู้ที่พ่อส่งต่อให้ลูกจากวันที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวได้ทราบว่าฟุตบอลสร้างอนาคตและเลี้ยงชีพได้

    ประภาส  ฉ่ำรัศมี  ตำนานนักเตะทีมชาติไทย และสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย เล่าอดีตสมัยที่ยังใช้ชีวิตที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ว่า การตัดสินใจเป็นนักฟุตบอลสมัยก่อนไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเพราะว่าฟุตบอลไม่สามารถบอกอนาคตได้ เนื่องจากตอนนั้นยังไม่เป็นฟุตบอลอาชีพ ทุกคนที่เล่นฟุตบอลในวัยเด็กตอนนั้นส่วนใหญ่จะมาจากความสนุก จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการได้สัมผัสการถ่ายทอดสดเกมทีมชาติผ่านโทรทัศน์ที่คนดูในสนามมันเยอะมากจนเกิดแรงบันดาลใจว่าสักวันจะก้าวไปติดทีมชาติให้ได้ 

    จากนั้นมาก็จริงจังกับการฝึกฝนฝึกซ้อมด้วยตัวเองบ้างด้วยครูบอลบ้าง แต่ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบนอกจากเรียนและเล่นคือต้องช่วยงานบ้านที่มีอาชีพค้าขายหลักเลิกเรียน ช่วงเวลาปลดปล่อยความสามารถจึงกระเบียดกระเสียดพอสมควร  แม้ว่าคุณแม่จะยินดีให้ไปเตะฟุตบอล แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนเต็มตัวเพราะอยากให้ช่วยชายของมีหลายครั้งที่แอบหนีไปเล่น จนสุดท้ายโดนยื่นคำขาดว่า “จะต้มลูกบอลให้กิน”

กว่าลูกจะได้แชมป์ไทยลีก พ่อต้องสู้แค่ไหน?

    เสียงบ่นด่าธรรมดากลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้  ประภาส ฉ่ำรัศมี จริงจังกับฟุตบอลมากขึ้น เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวให้เห็นว่าสักวันฟุตบอลจะให้อนาคตที่ดี ไม่นานก็ตัดสินใจย้ายมาเรียนในเมืองกรุงที่ พ.เชตุพน  พร้อมกับวิ่งหาโอกาสฟุตบอลไปด้วยในตัวเอง จนได้เล่นให้กับ ราชตฤณมัย ,ธ.กรุงเทพ,ท่าเรือ และ การท่าเรือ แห่งประเทศไทย  จนสุดท้ายก้าวไปติดทีมชาติไทยทั้งในระดับเยาวชนและทีมชาติไทยชุดใหญ่จนได้รับฉายา “นักเตะตีนตะขอ”

    ฟุตบอลพา ประภาส ฉ่ำรัศมี ไปพบกับอนาคตที่ดีทั้งหน้าที่การงานความภูมิใจของครอบครัวจนสร้างความปิติยินดีให้กับตัวเองและครอบครัว  แต่สิ่งที่อดีตทีมชาติไทยรายนี้ไม่ยอมหยุดที่จะเดินหน้ากับฟุตบอลคือการส่งมอบวิชาลูกหนังให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน นิว-พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี  ด้วยความเป็นลูกนักเตะอาจจะมีความพิเศษแต่ภายใต้ความพิเศษย่อมมีเรื่องกดดัน สิ่งที่จะตอบสังคมลูกหนังได้ดีที่สุดคือการพร่ำสอนเบสิกทักษะความสามารถให้ก้าวเดินลูกหนังแบบมั่นคง

    แม้ว่า ประภาส ฉ่ำรัศมี  อาจจะยังไม่เคยคว้าแชมป์ไทยลีก แต่วันนี้สิ่งที่ส่งต่อมายังลูกชาย นิว-พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เป็นการส่งความสุขแบบเต็มเปี่ยมที่ลุกชายเดินทางไปสู่เป้าหมายทั้งการติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ คว้าแชมป์ลีกกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด 2016,บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2021-22      

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
เพิ่มเพื่อน